วัตถุประสงค์
1. อธิบายความหมายและลักษณะของ software ได้
2. อธิบายและแยกประเภทของ Software ได้
3. ทราบถึงระบบปฏิบัติการต่างๆ
4. อธิบายแนวความคิดของผู้สร้างโปรแกรม Open Source ได้
5. สามารถเลือกใช้ OS และ Application ตามที่ต้องการใช้งานได้
6. อธิบายลิขสิทธิ์ Software แบบต่าง ๆ ได้
ความหมายของซอฟต์แวร์ ความสำคัญ
เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นนั่นก็คือ มันสามารถทำงานได้หลายอย่าง ตอบสนองความต้องการของผู้คนได้มากขึ้น การที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้นั้น มีส่วนสำคัญอยู่ 2 ประการคือ
Hardware (ฮาร์ดแวร์) ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่สามารถมองเห็นเป็น
รูปธรรม สามารถจับต้องได้ เช่น จอภาพ หน่วยประมวลผล (CPU) หน่วยความจำ (เช่น RAM) คีย์บอร์ด เม้าส์ เครื่องพิมพ์ สาย LAN Router
Software (ซอฟต์แวร์) หรือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์
ทำงานตามขั้นตอนที่เรากำหนด เป็นส่วนที่เชื่อมต่อการทำงาน ระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ ถ้าคอมพิวเตอร์ไม่มีซอฟต์แวร์ก็เปรียบเสมือนคนที่มีแต่ร่างกายและอวัยวะภายใน แต่ไม่มีความคิดมาขับเคลื่อนให้ร่างกายเคลื่อนไหว
Firmware (เฟิร์มแวร์) เป็นโปรแกรมพิเศษที่นิสิตควรรู้จัก เฟิร์มแวร์เป็นชุดคำสั่งสำหรับควบคุมการ
ทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทไมโครคอนโทลเลอร์ เช่น เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เราจะเห็นเฟริ์มแวร์ที่เรียกว่าโปรแกรม BIOS (Basic Input Output System) เริ่มทำงาน โดยเริ่มจากกระบวนการตรวจสอบตัวเองของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ตรวจสอบ RAM Monitor Keyboard Harddisk
ประเภทของซอฟต์แวร์
เราแบ่งประเภทของซอฟต์แวร์ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ซอฟต์แวร์ระบบและซอฟต์แวร์ประยุกต์
ซอฟต์แวร์ระบบ (System software) คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการระบบคอมพ ิวเตอร์
จัดการอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก การรับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระ (Keyboard) การแสดงผลบนจอภาพ การนำข้อมูลออกไปพิมพ์ยังเครื่องพิมพ์ การจัดเก็บข้อมูลเป็นแฟ้ม การเรียกค้นข้อมูล การสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการประสานงานกับซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซอฟต์แวร์ระบบจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ระบบที่รู้จักกันดี คือ ระบบปฏิบัติการ (Operating system), ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์ (Utilitysoftware), และ โปรแกรมขับอุปกรณ์ (Device driver)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application software) คือ ซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้นำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ต้องการ เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์จัดเก็บภาษี ซอฟต์แวร์สินค้าคงคลัง
ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ซอฟต์แวร์กราฟิก ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล เป็นต้น การทำงานใดๆ โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จำเป็นต้องทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมของซอฟต์แวร์ระบบด้วย เช่น โปรแกรม MS Office ต้องทำงานในระบบ Windows เท่านั้น
ระบบปฏิบัติการ (Operating System)
ระบบปฏิบัติการ (Operating System, OS) เป็นชุดคำสั่งที่ใช้ในการควบคุมจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์
โดยทำหน้าที่ในการเชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ประยุกต์ จัดการกระบวนการใช้ทรัพยากรระหว่างซอฟต์แวร์ประยุกต์และฮาร์ดแวร์ อีกทั้งยังเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างผู้ใช้ให้ใช้งานฮาร์ดแวร์ที่มีในระบบคอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของระบบปฏิบัติการ
● ผู้ใช้งานสามารถเรียนรู้และใช้คอมพิวเตอร์ได้ง่ายและรวดเร็ว
● ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานโปรแกรมได้พร้อมกันหลาย ๆ โปรแกรม
● ผู้ผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานเฉพาะด้านทำงานง่ายขึ้น
ประวัติความเป็นมาของระบบปฏิบัติการ
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคต้น ๆ ถูกสร้างเพื่อทำงานเฉพาะอย่าง เช่น เครื่องคิดเลข โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นดิจิตอลยุคแรก ๆ (ช่วง 1940s) ยังไม่มีระบบปฏิบัติการ
ช่วงแรกของระบบปฏิบัติการ (1955) เป็นช่วงที่การสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์มีต้นทุนสูง แต่ค่าแรงของคนมีราคาต่ำระบบปฏิบัติการถูกสร้างให้ผู้ใช้เข้าถึงเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้ทีละคน (Single-user system)โดยสามารถประมวลผลแบบต่อเนื่อง (Batch processing) สามารถเก็บหลาย ๆ งานในหน่วยความจำ และยังสามารถสลับให้หน่วยประมวลผล (CPU) มาท างานแต่ละงาน (Multiprogramming)
ช่วงที่สองของระบบปฏิบัติการ (ช่วงปี 1970) เป็นช่วงที่การสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์มีต้นทุนปานกลางแต่ค่าแรงของคนสูงขึ้น ระบบปฏิบัติการชื่อ TSS/360 ท างานบนเครื่องเมนเฟรม อนุญาตให้คนเข้าใช้เครื่องได้พร้อม ๆ กัน (Timesharing)
ช่วงที่สามของระบบปฏิบัติการ (ช่วงปี 1981 ถึง ปัจจุบัน) เป็นช่วงที่การสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์มีต้นทุนถูกลงมาก แต่ค่าแรงของคนสูง IBM ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer, PC) โดยถูกออกแบบให้เป็นระบบของผู้ใช้คนเดียว โดยมีระบบปฏิบัติการชื่อ MS-DOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยากเหมือนระบบปฏิบัติการของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ก่อนหน้า (เนื่องจากไม่ต้องค านึงถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกัน แต่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่รู้ด้านเทคนิคมากขึ้น) หลังจากนั้น Apple ได้แนะน าเครื่อง Macintosh ที่มีระบบปฏิบัติการ Mac OS ที่มาพร้อมกับกราฟิกสำหรับผู้ใช้สั่งงาน (Graphical User Interface) แทนที่จะเป็นการใช้ค าสั่งที่เป็นตัวหนังสือราว ๆ ปี 1983 Richard Stallman ซึ่งขณะนั้นท างานที่ MIT ได้ริเริ่มโครงการ GNU ขึ้น โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่สมบูณ์ สำหรับแจกฟรีให้คนทั่วไปใช้แทนที่จะต้องเสียเงินซื้อระบบปฏิบัติการUNIXเมื่อปี 1985 Intel ได้ผลิตหน่วยประมวลผล Intel 80386 ขึ้นส่งผลให้ เครื่อง PC มีระบบปฏิบัติการที่ยอมให้โปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน (Multitasking OS) ซึ่งเป็นความสามารถที่เหมือนกับของเครื่องเมนเฟรม ซึ่งบริษัท Microsoft ได้สร้าง Windows NT ขึ้น ในขณะที่ บริษัท NeXT Computer ของSteve Jobs ได้เสนอระบบปฏิบัติการ NEXTSTEPในปี 1991 Linus Torvalds กับเพื่อน ๆ ที่รู้จักทาง Internet ได้นำเสนอเคอร์เนลรุ่นแรก (หรือ แก่นกลาง) ของระบบปฏิบัตการ Linux โดยเปิดเผยค าสั่งภายใน (ซอร์สโค้ด) ทั้งหมด ซึ่งภายหลังได้รวมกับซอฟต์แวร์ระบบของ GNU จนเป็นระบบปฏิบัติการที่สมบูรณ์อีกหนึ่งระบบ
คุณสมบัติและความสามารถของระบบปฏิบัติการ
UNIX ใช้กันมากในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้งานร่วมกันหลายราย (multiusers) โปรแกรมระบบนี้เขียนด้วยภาษาซี และถูกพัฒนาขึ้นโดยศูนย์วิจัยเบลล์ของบริษัท TT&T เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ราวปลายทศวรรษ 1960ใช้ได้ทั้งกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (ชนิด 32 บิต) มินิคอมพิวเตอร์และเมนเฟรม โปรแกรมระบบยูนิกซ์นั้นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกที มีโปรแกรมสำเร็จรูปจำนวนมากที่เขียนภายใต้ระบบนี้ รองรับการทำงานแบบหลายผู้ใช้ หลายงาน(Multiuser/Multitasking) โดยที่ระบบมีวิธีการในการจำแนกผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งใช้งานอยู่
บนระบบเดียวกันได้ โดยใช้ลักษณะของการแบ่งเวลา (Time sharing) และแบ่งทรัพยากร (Resource sharing)
BSD เป็นระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ที่พัฒนาและเผยแพร่โดย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จัดว่าเป็นยูนิกซ์ที่ใช้กันแพร่หลายสำหรับคอมพิวเตอร์ระดับเวิร์คสเตชัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสัญญาอนุญาตใช้งานของบีเอสดีนั้นไม่ยุ่งยาก ทำให้บริษัทอื่น ๆ นำเทคโนโลยีไปพัฒนาในช่วงคริสตทศวรรษที่ 80 จนสร้างความคุ้นเคยในวงกว้างในปัจจุบันพบว่ามีการปรับปรุงและพัฒนาระบบปฏิบัติการโดยใช้โอเพนซอร์สโค้ดของบีเอสดีเป็นแกนหลัก มียูนิกซ์จำพวก BSD ที่สามารถมามาลงกับ pc ทั่วไปและใช้งานเป็น server กันอย่างแพร่หลายเช่น FreeBSD, NetBSD
Solaris เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ได้กับสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ แบบสปาร์ค และแบบ x86 (แบบเดียวกับในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป) รุ่นแรก ๆ ของโซลาริสนั้น ใช้ชื่อว่า ซันโอเอส (SunOS) โดยมีพื้นฐานมาจากยูนิกซ์ตระกูล BSD แต่ต่อมาในรุ่นที่ 5 ได้เปลี่ยนมาใช้โค้ดของ ซิสเต็มส์ไฟว์ (System V) แทน และเปลี่ยนชื่อมาเป็น โซลาริส ดังเช่นในปัจจุบัน
Linux เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งแต่เดิม Linus Torvalds ตั้งใจออกแบบ Linux ให้เป็นระบบปฏิบัติการแบบ UNIX ซึ่งสามารถใช้งานบนเครื่อง PC ธรรมดาที่เราใช้ตามบ้าน (หรือ เครื่องที่ใช้ CPU ตระกูล x86 เช่น80386, 486, Pentium เป็นต้น) แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาให้ใช้กับตัวประมวลผลตระกูลอื่นๆ เช่น Alpha chip ได้ด้วย โดยระบบปฏิบัติการนี้ถูกแจกให้ใช้งานฟรีรวมทั้งรหัสต้นแบบ (Source code) ก็เป็นที่เปิดเผย จึงเป็นที่นิยมและมีผู้นำไปพัฒนา Linux ของตนเองขึ้นใช้งานมากมาย รวมทั้งมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ขึ้นใช้งานบนลีนุกซ์อีกมากมาย ที่สำคัญก็คือลีนุกซ์เป็นซอฟต์แวร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ GPL สามารถใช้งานโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
Windows เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985โดยรุ่นแรกของวินโดวส์ คือ วินโดวส์ 1.0) และครองความนิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟท์ได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะการสั่งงานแบบ Graphical User Interface (GUI) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิก เข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับ MAC OS
OS X เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดในตระกูลแมคโอเอสสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช วาง
จำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2001 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ แกนกลาง ดาร์วิน (Darwin) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานแบบยูนิกซ์ที่เป็นโอเพนซอร์ส (เปิดเผยรหัสต้นฉบับ) และส่วนติดต่อผู้ใช้แบบ อควา(Aqua) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของแอปเปิล ออกแบบมาให้มีเสถียรภาพสูง ใช้งานง่าย หน้าจอมีปุ่มหรือเครื่องมือเฉพาะที่จำเป็น เน้นงานประเภทกราฟิกและศิลปะเป็นหลัก ทั้งนี้รูปแบบการทำงานแบบต่าง ๆ ของ MAC OS X จะสนับสนุนแบบ GCI เช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการWINDOWS
iOS คือ ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาที่ถูกพัฒนาขึ้นและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล (Apple) iOSเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยคุณสมบัติโดดเด่นของ iOS คือ เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Single OS ที่ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน ไอพอดทัช ไอแพด รุ่นใด ก็สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการมาใช้ได้ในรูปแบบเดียวกันหมด นอกจากนี้iPhone ยังโดดเด่นด้วยแอพพลิเคชั่นมากมาย มีให้เลือกดาวน์โหลดกันเป็นล้านแอพฯ ครบครันทุกความต้องการการใช้งานโทรศัพท์ (ตั้งแต่ใช้โทรศัพท์, ใช้Chat, ใช้ส่ง SMS หรือ Email, ไปจนถึง ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ) แต่ iOS ก็มีข้อเสียที่ระบบปฏิบัติการนี้ไม่สามารถที่จะเสริมเติมแต่งอะไรเข้าไปเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่แอปเปิลจัดสรรมาให้เท่านั้น และแอปเปิลไม่อนุญาตให้นำ iOS ไปติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่อุปกรณ์ของแอปเปิล
Android OS คือระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ,แท็บเล็ต,คอมพิวเตอร์และเน็ตบุ๊ก เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ โดยมีรากฐานมาจาก Linux จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยกูเกิล และทางกูเกิลได้นำแอนดรอยด์ไปพัฒนาต่อ ส่วนด้านลิขสิทธิ์ของโค้ดแอนดรอยด์ จะใช้ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรีหรือโอเพนซอร์ส (Open Source) ทำให้นักพัฒนาสามารถแก้ไข ดัดแปลงโค้ดแอนดรอยด์ได้อย่างอิสระ และที่สำคัญคือแจกฟรี จึงทำให้ค่ายผู้ผลิตมือถือต่าง ๆ สนใจนำระบบปฏิบัติการนี้ไปใส่ลงในมือถือของตน
ตั้งแต่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung, LG, HTC, Sony Ericsson, Motorola หรือแม้กระทั่งแบรนด์ไทย ๆ อย่าง iMobile
Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Microsoft ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ผลิตสำหรับนำไปใช้กับอุปกรณ์ Mobile เช่น HTC และ Samsung บางรุ่น ข้อดีคือ สามารถทำงานร่วมกับ Application ของ Microsoft ได้ดีเช่น Microsoft Exchange, Microsoft Office และ Microsoft Outlook ข้อเสียคือ มีApplication ให้เลือกน้อย โปรแกรม Web Brower ตอบสนองไม่รวดเร็ว ปัจจุบัน
Microsoft ได้พัฒนา Windows 10 Mobile ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนที่ถูกใช้แทน Windows Mobile และ Windows Phone
ซอฟต์แวร์ประยุกต์พื้นฐาน
ซอฟต์แวร์ประยุกต์พื้นฐาน (Basic application) หรือบางครั้งเรียกว่า ซอฟต์แวร์ประยุกต์อเนกประสงค์(General-purpose application) หรือซอฟต์แวร์ประยุกต์ช่วยเพิ่มผลผลิต (Productivity application) เป็นซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำการ ซอฟต์แวร์นำเสนอ ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล และซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล
ลิขสิทธิ์ และ ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ (software license / license)
ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบ่งตามลักษณะการคุ้มครอง
ซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ (Commercial software, License software) เป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายหรือมีจุดประสงค์เพื่อเชิงการค้า (ผู้ใช้ต้องซื้อค่าลิขสิทธิ์) ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ระบบปฏิบัติการ Windows, ระบบปฏิบัติการ Mac OS X, Microsoft Office, โปรแกรมของบริษัท Adobe เช่น Photoshop เป็นต้น
จริยธรรมในการใช้ซอฟต์แวร์
ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ลงในคอมพิวเตอร์นอกจากจะคำนึงถึงเรื่องวัตถุประสงค์ในการใช้งานแล้ว สิ่งที่
สำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ เรามีสิทธิ์ติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์เหล่านั้นได้หรือไม่ เนื่องจากซอฟต์แวร์ทุกประเภทจะมีสิทธิ์ในการใช้ซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ในปีพ.ศ. 2550 ประเทศไทยถูกจัดไว้เป็นอันดับ 4 ในเอเซียแปซิฟิกที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงสุด)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น