ภัยที่มากับอินเทอร์เน็ต เป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
1. ภัยที่มีผลทางด้านข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์
2. ภัยที่มีผลทางด้านสังคม
3. ภัยที่มีผลต่อสุขภาพ
1. ภัยที่มีผลทางด้านข้อมูล หรือระบบ
1.1 วายร้ายโจรกรรมข้อมูล
- การสอดแนม (Snooping หรือ Sniffing) หมายถึงการดักจับหรือแอบดูข้อมูล โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
- ฟิชชิง (Phissing หรือ Fishing) เป็นการปลอมอีเมลหรือเว็บไซต์เพื่อหลอกลวง เพื่อต้องการข้อมูลสำคัญจากผู้ถูกหลอก เช่น Username, Password, Credit Card Number และอื่น ๆ
- สปายแวร์ (Spyware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ฝังตัวอยู่ในเครื่องโดยทำพฤติกรรมไม่พึงประสงค์บางอย่าง เช่นพยายามโฆษณาสินค้า รวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
- ลักษณะที่บ่งชี้ว่ามีสปายแวร์ที่เครื่อง
- 1. มีโฆษณาป๊อบอัพขึ้นมาบนหน้าจอ แม้ว่าไม่ได้ติดต่อกับอินเทอร์เน็ต
- 2. หน้าเว็บแรกเมื่อผู้ใช้เรียกบราวเซอร์ขึ้นมามีการเปลี่ยนแปลงโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้เปลี่ยนด้วยตัวเอง
- 3. จะสังเกตเห็นทูลบาร์แบบใหม่ที่ไม่ต้องการในบราวเซอร์ และการขจัดทูลบาร์ดังกล่าวทิ้งไปทำได้ยากมาก
- 4. คอมพิวเตอร์ทำงานบางอย่างนานกว่าปกติ
- 5. เจอปัญหาคอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อยครั้ง
1.2 วายร้ายทำลายข้อมูล (Malware)
- เป็นซอฟต์แวร์ประเภทที่เป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์โดยมันจะก่อกวน ทำลายข้อมูล สร้างความเสียหายกับระบบคอมพิวเตอร์
- ประเภทของมัลแวร์ ได้แก่
- ไวรัส (Virus)
- เวิร์ม (Worm)
- โทรจัน (Trojan)
ไวรัส (Virus)
- เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อทำลายระบบคอมพิวเตอร์
- มีลักษณะการแพร่กระจายไปยังไฟล์ต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่อง และ ระบบเครือข่าย
- ปกติไวรัสจะแพร่กระจายโดยอาศัยโปรแกรมอื่นหรือมนุษย์เป็นผู้กระทำ
หนอน หรือ เวิร์ม (Worm)
- เป็นโปรแกรมที่มีการแพร่กระจายตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในเครือข่าย
- โดยจะใช้ประโยชน์จากโปรแกรมที่รับ-ส่งไฟล์โดยอัตโนมัติเป็นช่องทางในการแพร่กระจาย และไม่ต้องอาศัยมนุษย์ในการเปิดไฟล์ใด ๆ เพื่อแพร่กระจายตัว
โทรจันฮอร์ส (Trojan Horse)
- โปรแกรมม้าโทรจันดูเหมือนจะมีประโยชน์ แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายโปรแกรมต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์
- มักเรียกการทำงานของม้าโทรจันว่า “ปฏิบัติการเพื่อล้วงความลับ”
- ม้าโทรจันต่างจากไวรัส และหนอน คือมันไม่สามารถทำสำเนาตัวเองและแพร่กระจายตัวเองได้ แต่มันสามารถอาศัยตัวกลาง อาจเป็นโปรแกรมต่างๆ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือการไปโหลดไฟล์จากแหล่งต่างๆ
1.3 วายร้ายแทรกแซงการทำงาน
- สแปม (Spam)
คือ การส่งข้อมูลที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอ จนทำให้ผู้รับเกิดความรำคาญ รวมถึงเป็นการก่อกวน และรบกวนผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์ที่ต่าง ๆ กัน
สแปมสามารถทำผ่านสื่อหลาย ๆ ชนิด เช่น E-mail, Instant Messaging, Webboard, SMS on Mobile phone ฯลฯ
หากเราพบกับภัยที่มาจากอีเมลที่ไม่แน่ใจว่ามีไวรัส หรือภาพโป๊ ฟอร์เวิร์ดอีเมลที่ไร้สาระ ถ้ามีอีเมลที่เราไม่รู้จักเข้ามา ก็ควรลบทิ้ง
- การโจมตีแบบการปฎิเสธการให้บริการ (Denial of Service : DoS)
เป็นความพยายามทำให้เครื่องหรือทรัพยากรเครือข่ายสำหรับผู้ใช้เป้าหมายใช้บริการไม่ได้
2. ภัยที่มีผลทางด้านสังคม
2.1 ภัยจากการแชท
- การแชท หมายถึง การพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ต
- เป็นภัยด้านสังคมจากอินเทอร์เน็ตที่พบง่ายและบ่อยที่สุด
- การแชทกับคนแปลกหน้าถ้าเราเผลอให้ข้อมูลส่วนตัว หรือนัดเจอกัน เราอาจตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้
- การแชทโดยไม่มีขอบเขต จะนำไปสู่การถูกล่อลวง ไปทำเรื่องมิดีมิร้าย จนเป็นการสร้างปัญหาให้สังคม
2.2 ภัยจากการเล่นเกมออนไลน์
- ปัจจุบันเกมออนไลน์มีมาก บางเกมส่อไปในทางลามกอนาจาร นำเสนอภาพที่รุนแรง บางเกมมีการขายของที่อยู่ในเกม หลายคนเคยตกเป็นเหยื่อเพราะโดนหลอกซื้อของในเกม
- นักเรียนต้องรู้จักข่มใจตนเอง เลือกเล่นเฉพาะเกมที่สร้างสรรค์ กำหนดเวลาเล่นให้เป็น
- สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนทำให้เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงเสียการเรียน
2.3 ภัยจากการท่องเว็บ
1. การโฆษณาหลอกลวงขายสินค้า
2. เว็บดาวน์โหลด ถ้าดาวน์โหลดสุ่มสี่สุ่มห้า อาจจะมีไวรัสแถมมาด้วย
3. เว็บโป๊ อนาจาร
4. เว็บบอร์ด กระดานถามตอบ อาจมีการโพสต์ข้อความชวนเชื่อ โกหกบ้าง จริงบ้าง ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพเพื่อกลั่นแกล้งกัน
5. ภัยจากอีเมล์ก็มีไวรัส หรือภาพโป๊ ฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ไร้สาระ ถ้ามีเมล์ที่เราไม่รู้จักเข้ามา ก็ควรลบทิ้ง
3. ภัยที่มีผลต่อสุขภาพ
3.1 ภัยที่มีผลต่อสุขภาพกาย
- ดวงตา
การจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานมีผลต่อกล้ามเนื้อและระบบประสาทตา ทำให้เกิดอาการเมื่อยตา สายตาเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะคลื่นไส้
- ระบบประสาท
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์อาจมีผลต่อระบบประสาท แม้ว่ารังสีชนิดต่าง ๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีความปลอดภัย
แต่การรับรังสีเป็นเวลานานก็อาจจะส่งผลกระทบถึงระบบประสาทของมนุษย์ได้เช่นกัน เช่น อาจเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อึดอัด และนอนไม่หลับ เป็นต้น
- ระบบสืบพันธุ์
คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหรือโน๊ตบุ๊ค ที่หลายคนชอบวางไว้บนหน้าตัก จะทำให้อุณหภูมิที่ลูกอัณฑะสูงขึ้นซึ่งมีผลต่อการสร้างสเปิร์มของผู้ชายทุกคน ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นหมัน
- โรคที่เกิดจากท่านั่งหรือการทำงานซ้ำซาก
การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ทำให้เกิดโรค Cumulative Trauma Disorders อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ที่เป็นมาก ๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการชาที่มือ
การรักษาคือ ผู้ป่วยต้องปรับพฤติกรรมการทำงาน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์
3.2 ภัยที่มีผลต่อสุขภาพจิต
- โรคติดอินเทอร์เน็ต
สาเหตุเกิดมาจากใช้เน็ตมากเกินไป ทำให้ซึมเศร้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม โรคติดอินเทอร์เน็ตนั้นก็คล้าย ๆ กับการติดสิ่งเสพติดที่สร้างปัญหาให้เกิดกับอารมณ์ ร่างกาย สังคม
- โรคทนรอไม่ได้ (Hurry Sickness)
มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้คนกลายเป็นคนขี้เบื่อ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย
เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนาน ๆ ไม่ได้ กระวนกระวาย หากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้
- โรคสมาธิสั้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์
- การทำงานในลักษณะ Multitasking อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคร้ายใหม่ที่ชื่อว่า Attention Deficit Trait หรือ ADT
- ADT เกิดจากสภาวะแวดล้อมเป็นหลัก มักจะมีอาการสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานใดงานหนึ่งได้นาน ๆ มีความวุ่นวายอยู่ข้างใน ไม่ค่อยอดทน มีปัญหาในการจัดระบบต่าง ๆ (Unorganized) การจัดลำดับความสำคัญ และการบริหารเวลา
แนวทางการป้องกัน
1. การป้องกันข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์
1.1 ผู้ใช้ต้องอัพเดตระบบปฏิบัติการอยู่เสมอ
การอัพเดตระบบจะช่วยทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น และสามารถแก้ไขช่องโหว่ของความปลอดภัยที่บางครั้งโปรแกรมตัวก่อน ๆ นั้นไม่สามารถปกป้องได้
1.2 ควรมีบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านในการใช้งานเครื่องหรือระบบอ่อนไลน์ต่าง ๆ
เพื่อให้ผู้ใช้งานคนอื่น ๆ เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของได้ยาก
1.3 การป้องกันทางกายภาพ
- แม้รหัสผ่านจะช่วยป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลได้ทันที แต่มันไม่สามารถช่วยปกป้องข้อมูลของเราไม่ให้ถูกทำลายได้
- ดังนั้น นอกจากการตั้งรหัสผ่านแล้ว เราไม่ควรวางเครื่องคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในที่ต่าง ๆ ในที่สาธารณะในขณะที่ตัวเราไม่อยู่
1.4 ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและป้องกันสปายแวร์
- ผู้ใช้งานควรติดตั้งและใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-Virus) และป้องกันสปายแวร์ (Anti-Spyware) และควรหมั่นอัพเดตเสมอ
- เพื่อป้องกันโปรแกรมจำพวกมัลแวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขโมยข้อมูลหรือเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานในทางที่ไม่ดี
1.5 การใช้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่อยู่ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบพกพา
- ผู้ใช้ควรระมัดระวังในการเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือให้บุคคลอื่นยืมไปใช้
- ผู้ใช้ไม่ควรเปิดไฟล์ที่ตนเองไม่รู้จักหรือไม่น่าไว้ใจ
- ก่อนใช้แฟลชไดร์ฟทุกครั้งต้องมั่นใจว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสได้เปิดไว้ที่เครื่อง และทำการสแกนก่อนใช้ทุกครั้ง
1.6 การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่น่าเชื่อถือและซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส
- ผู้ใช้ควรเลือกใช้โปรแกรมจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ หรือเลือกใช้โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์ส
- ไม่ควรใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งส่วนมากมักมีไวรัสติดมาด้วย
- ไม่ควรดาว์นโหลดไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
วิธีป้องกันโรคที่ส่งผลต่อร่างกายเมื่อเราใช้อินเทอร์เน็ตนาน
หลัก 20:20:20 หรือ พักการทำงาน 20 วินาที หลังจากทำงาน 20 นาที และมองไปไกล 20 ฟุต และทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ควรลุกขึ้นยืน หลับตา หรือมองไปที่ไกล ๆ มองต้นไม้สีเขียว บริหารดวงตาด้วยการกลอกตาเป็นวงกลม 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางแตะหัวตาแต่ละข้าง คลึง กดจุด 1-2 วินาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น